มีความเป็นไปได้ว่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์อาจปรับขึ้นด้วยเหตุต้นทุนประกันเพิ่ม
ทั้งจากยอดเคลมเพิ่มและการบังคับใช้ “ค่าประโยชน์จากการใช้รถ”
2 ปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันเพิ่มขึ้นคือ ยอดเคลมเพิ่มกับการบังคับใช้ “ค่าประโยชน์จากการใช้รถ” ทำให้ต้นทุนบริษัทประกันภัยสูงขึ้น
2 ปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันเพิ่มขึ้นคือ ยอดเคลมเพิ่มกับการบังคับใช้ “ค่าประโยชน์จากการใช้รถ” ทำให้ต้นทุนบริษัทประกันภัยสูงขึ้น
มีข้อมูลว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี
2561 ยอดเงินเคลมเพิ่มสูงขึ้น และสูงขึ้นตลอด 5 ปีที่ผ่านมา “สถิตการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของคนไทยอยู่ที่ราว 2 หมื่นคนต่อปี
ทำให้ภาคธุรกิจต้องจ่ายเคลมประกันเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,000
ล้านบาทต่อปี จากเดิมที่จ่ายอยู่ราว 4,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น
6,000 ล้านบาท และแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุบ้านเราไม่ได้ลดลง”
การบังคับใช้ “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ” ที่ได้เริ่มต้นเมื่อ 1 มกราคมที่ผ่านมา เป็นประโยชน์ต่อเจ้าของรถ
(ฝ่ายถูก) ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยอย่างรวดเร็ว มีหลักเกณฑ์ อันเนื่องจากต้องเสียค่าเดินทางระหว่างรถของตนกำลังซ่อม
เป็นความคุ้มครองที่มีมาตรการบังคับใช้เชื่อว่าทำให้บริษัทประกันต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่ม
การประกันภัยรถยนต์มาจากหลักคิดเฉลี่ยความเสี่ยงให้กับผู้ใช้รถทุกคน
บรรเทาความเสียหายแก่ผู้เอาประกัน โดยจ่ายค่าสินไหมจำนวนหนึ่งไม่เกินความเสียหายและไม่เกินทุนประกัน
กฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
ทำหน้าที่ควบคุมดูแลเบี้ยประกันภัยให้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนด ดังนั้นเบี้ยประกันที่บริษัทประกันภัยทั้งหลายกำหนดจึงอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของ
คปภ. ให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
ที่สำคัญคืออุบัติรถยนต์ของไทยยังสูงมาก
ควรที่ผู้ใช้รถใช้ถนนจะรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น
อุบัติเหตุเพียงครั้งเดียวอาจหมายถึงชีวิตและไม่อาจขอโอกาสแก้ตัวได้อีกเลย
ต้องการคำปรึกษา สอบถามได้ที่ผม ชาญชัย คุ้มปัญญา ที่ปรึกษาประกันวินาศภัย ทางไลน์ @7chanchai (มีเครื่องหมาย @)

หรือโทร
083-0725036
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น