แม้เป็นประกันชั้นเดียวกัน แต่เบี้ยประกันอาจต่างกัน
และให้ความคุ้มครองที่ต่างกันด้วย ก่อนซื้อควรพิจารณารายละเอียดความคุ้มครอง ปรึกษานายหน้าประกันวินาศภัยเพื่อความมั่นใจ
บางคนอาจสงสัยว่าทำไมประกันภัยรถยนต์ชั้นเดียวกันแต่ราคาต่างกัน
บางครั้งต่างกันมากด้วย เราควรเลือกซื้ออันที่ถูกที่สุดใช่หรือไม่
ในภาพเป็นตัวอย่างเบี้ยประกันชั้น 1 ของ 3 บริษัท รถที่เอาประกันคือรถกระบะ
ในภาพเป็นตัวอย่างเบี้ยประกันชั้น 1 ของ 3 บริษัท รถที่เอาประกันคือรถกระบะ
บริษัท A เบี้ยประกัน
11,000 บาท
บริษัท B เบี้ยประกัน
16,000 บาท
บริษัท C เบี้ยประกัน 17,000
บาท (ปรับจำนวนเบี้ยเล็กน้อยเพื่อง่ายต่อการเปรียบเทียบ)
ถ้าเลือกด้วยเหตุผล
“ถูกที่สุด” ประกันของบริษัท A ถูกที่สุด แต่เดี๋ยวก่อน ลองพิจารณาความคุ้มครองที่ได้รับด้วย
จุดอ่อนของบริษัท
A คือ หากประสบอุบัติเหตุรถชนและผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณี
(ขับชนต้นไม้เอง) จะต้องจ่ายค่าความเสียหายส่วนแรกต่อตัวรถยนต์ถึง 5,000 บาท ในขณะที่บริษัท B กับ C
ไม่ต้องจ่ายส่วนนี้
ถ้าคิดให้ดี
หากเอา 5,000 บาทนี้ไปรวมกับเบี้ยประกัน ราคาของบริษัท
A จะใกล้เคียง 2 บริษัทที่เหลือ
ในตัวอย่าง
บริษัท C จ่ายเบี้ยประกัน 17,000 บาท
สูงกว่าอีก 2 แห่ง แต่ได้ความคุ้มครองมากที่สุด เช่น
ความเสียต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอกให้ถึง 1 ล้านบาทต่อคน
และให้เงินเพื่อประกันตัวผู้ขับขี่คดีอาญาถึง 300,000 บาท
ถ้าซื้อประกันของบริษัท
C จะค่อนข้างมั่นใจว่าหากเกิดอุบัติเหตุและผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด
บุคคลภายนอกจะได้รับความคุ้มครองสูงมาก ไม่น่าจะเป็นปัญหากับผู้เอาประกัน
จะเห็นว่าราคาที่ต่างกันให้ความคุ้มครองที่ต่างกันด้วย
ไม่มีใครอยากเกิดอุบัติเหตุ
ไม่มีใครอยากได้ค่าชดเชย ค่ารักษาพยาบาล แต่อุบัติเหตุคือเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด หากซื้อประกันที่ดีพอมากพอ
ผู้เอาประกันจะอุ่นใจ ผู้ประสบเหตุจะได้รับความคุ้มครองอย่างสูง
ทั้งนี้ทั้งนั้น
ขึ้นกับผู้เอาประกันจะเลือกซื้อตามกำลังทรัพย์และความเหมาะสมอื่นๆ
“724ศรีกรุงประกันภัย
เราให้คำปรึกษาก่อนเสมอ” ต้องการคำปรึกษา สอบถามได้ที่ผม ชาญชัย คุ้มปัญญา ที่ปรึกษาประกันวินาศภัย
ทางไลน์ @7chanchai
(มีเครื่องหมาย @)
หรือโทร 083-0725036
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น