ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครให้ความคุ้มครองมากขึ้น
ทั้งคุ้มครองคนและรถของเรากับผู้อื่น ตารางกรมธรรม์ประกันรถยนต์จะระบุความคุ้มครองที่ได้รับอย่างชัดเจน
เวลาซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประกันภัยชั้น 1-5) ผู้ซื้อ
(ผู้เอาประกัน) จะได้รับเอกสารชุดหนึ่ง หนึ่งในเอกสารสำคัญที่สุดคือ “ตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์”
drew hugland
การทำความเข้าใจกรมธรรม์เป็นเรื่องสำคัญ
เป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อผู้ถือกรมธรรม์ มีหลักการอ่านกรมธรรม์ โดยแบ่งออกเป็น 5
ส่วนย่อยๆ (ขอให้ศึกษาพร้อมตัวอย่างกรมธรรม์หรือศึกษาคู่กับกรมธรรม์ที่มีอยู่)
ส่วนที่
1 ผู้เอาประกันภัย
ส่วนนี้จะระบุชื่อที่อยู่
แน่นอนว่าจะต้องเป็นชื่อที่อยู่ของผู้ซื้อ
ผู้รับประโยชน์อาจเป็นผู้เอาประกันภัย
(ผู้ซื้อ) หรือบุคคลอื่น หรือไม่ระบุก็ได้
ช่องล่างถัดมาคือ “ระยะเวลาประกันภัย”
สังเกตว่าจะระบุเวลาสิ้นสุดอย่างละเอียด เช่นที่ 16.30 น. การประกันจะยึดตามเวลาที่แน่นอน
ส่วนที่ 2
รายการรถยนต์ที่เอาประกันภัย
คือส่วนที่บอกข้อมูลรถนั่นเอง
ส่วนสำคัญที่สุดคือ “เลขตัวถัง”
จะต้องถูกต้องไม่ผิดเพี้ยนเลย เหมือนเลขบัตรประจำตัวประชาชน ถ้าผิดแม้แต่เลขเดียวจะกลายเป็นอีกคน
ทุกครั้งเมื่อได้รับตารางกรมธรรม์ใหม่ควรตรวจทุกครั้ง เพราะบริษัทประกันภัยจะยึด “เลขตัวถัง”
เป็นหลักขณะตรวจสอบแจ้งเคลมประกัน
จากนั้นคือ
“จำนวนเงินเอาประกันภัย” หรือส่วนที่ 3-5 ส่วนนี้สำคัญเพราะระบุความคุ้มครองที่อาจแตกต่างกัน
ส่วนที่
3 ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
คือ
ความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย อนามัยของบุคคลภายนอก (คือนอกรถของผู้เอาประกัน
เช่นขับไปชนรถคันอื่น)
“2) ความเสียหายต่อทรัพย์สิน” ต่อครั้งที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น - ตัวอย่างนี้ระบุไว้ 1,000,000 บาทต่อครั้ง หมายถึงหากเกิดอุบัติเหตุและเราเป็นฝ่ายผิด
บริษัทประกันภัยจะช่วยจ่ายค่าซ่อมรถคนอื่นในวงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท
ความรับผิดต่อ “2.1 ความเสียหายส่วนแรก”
ของผู้เอาประกันต่อครั้ง (แล้วแต่บริษัทประกันภัยจะระบุหรือไม่ระบุก็ได้)
. ส่วนที่ 4 รถยนต์เสียหาย สูญหาย ไฟไหม้
เป็นส่วนที่พูดถึงความคุ้มครองต่อรถของผู้เอาประกัน จะแตกต่างกันตามประกันภัยแต่ละประเภท
ถ้าเป็นประกันชั้น
1 จะคุ้มครองรถคันที่เอาประกันไม่ว่าการชนแบบมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ได้ รวมทั้งรถหาย
ไฟไหม้ และน้ำท่วม (บางบริษัท)
ถ้าเป็นประกันชั้น
2+ จะคุ้มครองการชนที่มีคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบกตามกฎหมายเท่านั้นโดยซ่อมรถคันที่เอาประกันและรถของคู่กรณี
(ต้องมีหลักฐานคู่กรณี) รวมถึงกรณีรถหาย ไฟไหม้ และน้ำท่วม (บางบริษัท)
ถ้าเป็นประกันชั้น
3+ จะคุ้มครองการชนที่มีคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบกตามกฎหมาย
ซ่อมรถคันที่เอาประกันและรถคู่กรณีเท่านั้น (ต้องมีหลักฐานคู่กรณี) ไม่คุ้มครองรถหายหรือไฟไหม้แต่อย่างใด
ถ้าเป็นประกันชั้น
3 จะไม่คุ้มครองรถคันที่เอาประกัน
จึงไม่ระบุทุนแต่อย่างใดแต่จะซ่อมรถให้กับคู่กรณีเท่านั้น
รายละเอียดส่วนนี้ของรถแต่ละคันจะแตกต่างกัน
และแต่ละปีมักจะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะ “ความเสียหายต่อรถยนต์” หรือที่บางคนเรียกว่า “ทุนประกัน”
นั่นเอง
ส่วนที่ 5 ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย
ส่วนที่
5 คล้ายกับส่วนที่ 3 ในแง่พูดถึงความคุ้มครองชีวิต ค่ารักษาพยาบาล ต่างกันที่ส่วนนี้เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่มากับรถของผู้เอาประกัน
จากตัวอย่างระบุว่า
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาท/คน
ข้อ
“3) การประกันตัวผู้ขับขี่” หมายถึงกรณีขับรถชนคนตายหรือได้รับบาดเจ็บจนเป็นคดีอาญา
ศาลจะอนุมัติให้ประกันตัวโดยต้องวางวงเงินหลักแสน (ทั่วไปไม่เกิน 200,000 บาท) ดังนั้นการซื้อประกันภัยภาคสมัครใจจึงมีประโยชน์ในเรื่องนี้ด้วย
เห็นไหมครับ ตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ทำความเข้าใจได้ไม่ยากเลย
ไม่ว่าจะซื้อจากบริษัทไหนหน้าตากรมธรรม์จะคล้ายกัน เพราะเป็นแบบมาตรฐานที่ถูกกำหนดไว้
ผู้ถือกรมธรรม์ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจควรศึกษาเพื่อรู้ประโยชน์ที่พึงมี
และจะรู้ว่าแม้ต้องจ่ายเพิ่มแต่ได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นด้วย อาจต้องจ่ายเป็นหมื่นต่อปีแต่จะอุ่นใจหากเกิดอุบัติเหตุรถชนและเราเป็นฝ่ายผิด
เพราะบริษัทจะช่วยออกค่าซ่อมรถคนอื่นหลักแสนหรือล้าน ช่วยออกค่ารักษาพยาบาลหลักล้าน
ซึ่งย่อมดีกว่าที่เราจะต้องควักกระเป๋าออกเอง
ดีที่สุดคือไม่เกิดอุบัติเหตุ
แต่จะอุ่นใจถ้าทำประกันภัยไว้มากพอ
ต้องการคำปรึกษา สอบถามได้ที่ผม ชาญชัย คุ้มปัญญา นายหน้าประกันวินาศภัย
(ชมคลิป)
---------------------------
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น